fbpx

โลกแห่งการทำงานในอนาคต: PEO กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ธุรกิจจัดการพนักงานอย่างไร

โลกแห่งการทำงานในอนาคต: PEO กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ธุรกิจจัดการพนักงานอย่างไร

โลกแห่งการทำงานในอนาคตกำลังจะเกิดขึ้นซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีที่ธุรกิจต่างๆจัดการพนักงานของตนไปตลอดกาล ในปัจจุบัน บริษัทต่างๆหันมาใช้ Professional Employer Organizations (PEO) เพื่อช่วยให้พวกเขาจัดการพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น PEO ถือว่าครอบคลุมบริการที่หลากหลายตั้งแต่การจัดการบัญชีเงินเดือน, การปฏิบัติทางภาษีให้ถูกต้องและสวัสดิการพนักงาน ไปจนถึงการให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล, คำแนะนำด้านกฎหมาย และประสานงานด้านการสรรหาบุคลากร ในบทความนี้ เราจะช่วยให้คุณเข้าใจว่า PEO สามารถช่วยยกระดับอนาคตของการทำงานในธุรกิจต่างๆอย่างมีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นได้อย่างไร

PEO คืออะไร

PEO ย่อมาจาก Professional Employer Organization Services: PEO เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านทรัพยากรบุคคลแก่ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง บริการเหล่านี้อาจรวมถึงการทำบัญชีเงินเดือน, การจัดการสวัสดิการของพนักงาน, การจัดการความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานท้องถิ่น PEO เปรียบเสมือนนายจ้างร่วมแต่รับผิดชอบในบางอย่างสำหรับพนักงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบริการของ PEO มันจะทำให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานหลักได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ PEO จะช่วยจัดการด้านพนักงาน

How PEOs work

บริการ PEOs ทำงานอย่างไร?

ผู้ให้บริการ PEO  เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมงาน โดยรับผิดชอบในบางประเด็นงสำหรับพนักงานของธุรกิจที่ใช้บริการของพวกเขา สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจสามารถมุ่งเน้นไปที่การดำเนินงานหลักได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ PEO จะช่วยจัดการด้านการบริหารและจัดการพนักงาน
คำถามคือ แล้วขั้นตอนการทำงานของ PEO เป็นอย่างไรกันแน่ ?

  1. ขั้นแรก เจ้าของธุรกิจต้องติดต่อ PEO และแสดงความสนใจที่จะใช้บริการจากนั้น PEO จะอธิบายบริการของพวกเขาและเสนอราคาสำหรับบริการของพวกเขาตามลำดับ
  2. เมื่อเจ้าของธุรกิจตัดสินใจใช้บริการของ PEO แล้ว ผู้ให้บริการจะทำสัญญาจ้างงานร่วมกับธุรกิจ ภายใต้ข้อตกลงนี้ ผู้ให้บริการ PEO จะกลายเป็นนายจ้างร่วมที่ดูแลเรื่องสวัสดิการให้กับลูกจ้างประจำ (EOR) และเจ้าของธุรกิจจะเป็นลูกค้าของ PEO
  3. ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น PEO มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านทรัพยากรบุคคลบางอย่าง เช่น:
    • การทำบัญชีเงินเดือนและภาษีหัก ณ ที่จ่าย
    • สวัสดิการของพนักงาน
    • ดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานท้องถิ่น
    • การจัดการปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน เช่น ค่าชดเชยของพนักงานและประกันการว่างงาน
  1. เจ้าของธุรกิจยังคงดำเนินงานประจำเฉกเช่นเดิม เช่น กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจและมุ่งเน้นการขายและการผลิตที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมหลักของธุรกิจหลักต่อไป ผู้ให้บริการ PEO จะดูแลงานที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานเท่านั้น ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตของธุรกิจของตนได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
  2. ผู้ให้บริการ PEO ยังทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าของธุรกิจ โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น การปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความสัมพันธ์กับพนักงาน และสวัสดิการต่างๆ
  3. ผู้ให้บริการ PEO จะเรียกเก็บเงินค่าบริการโดยมักคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนพนักงาน
  4. เจ้าของธุรกิจและผู้ให้บริการ PEO ถือว่าเป็นหุ้นส่วนต่อกัน ทั้งสองฝ่ายต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่นและเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายทั้งหมด หากปัญหาเกี่ยวกับแรงงานหรือการจ้างงานปรากฏขึ้น ผู้ให้บริการ PEO จะเป็นคนแรกที่รับรู้ ตลอดจนปัญหาดังกล่าวจะได้รับการแก้ไขร่วมกับเจ้าของธุรกิจและ ผู้ให้บริการที่ทำงานร่วมกัน
What are PEO advantages

ข้อดีของ PEO คืออะไร

  1. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: PEO สามารถจัดการงานธุรการหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการจัดการพนักงาน เช่น การจัดทำบัญชีเงินเดือน, การบริหารสวัสดิการของพนักงาน และการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานท้องถิ่น มันสามารถช่วยให้บริษัทหรือองค์กรของคุณประหยัดเวลาและงบประมาณได้ ตลอดจนช่วยให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่การเติบโตและก้าวหน้าได้อย่างเต็มที่
  2. พนักงานเข้าถึงสวัสดิการของตนได้: PEO สามารถมอบสวัสดิการพนักงานที่ธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถมอบได้ สิทธิประโยชน์เหล่านี้อาจรวมถึงแผนประกันสุขภาพกลุ่มหรือประกันสังคม
  3. ปฏิบัติตามกฎระเบียบและการบริหารความเสี่ยงที่ดี: PEOs เป็นผู้เชี่ยวชาญและยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านแรงงานในท้องถิ่น พวกเขาสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณเข้าใจถึงความซับซ้อนทางกฎหมายด้านการจัดการพนักงาน และยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับพนักงานด้วยการให้บริการจัดการความเสี่ยงที่ดีได้อีกด้วย
  4. ลดความเสี่ยง: PEO สามารถช่วยธุรกิจในการจัดการความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน เช่น ค่าชดเชยของพนักงานและการเรียกร้องเงินชดเชยกรณีว่างงาน มันจะสามารถช่วยลดผลกระทบทางการเงินจากการเรียกร้องดังกล่าวได้อย่างมีนัยสำคัญ
  5. เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด: PEO สามารถช่วยธุรกิจปรับปรุงกระบวนการด้านทรัพยากรบุคคล ทำให้มีประสิทธิภาพและจุดคุ้มทุนมากขึ้น
What are PEO disadvantages

ข้อเสียของ PEO คืออะไร

  1. ค่าใช้จ่าย: โดยทั่วไป PEO จะเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์ของเงินเดือนพนักงานเป็นค่าบริการ ซึ่งอาจเป็นต้นทุนที่สำคัญสำหรับธุรกิจ สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาต้นทุนบริการของ PEO ที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ที่ได้รับ
  2. การดูแลควบคุมที่จำกัด: ธุรกิจอาจสูญเสียการควบคุมการดำเนินงานบางประการ เจ้าของธุรกิจอาจต้องพึ่งพา PEO เพื่อจัดการงานบางอย่างและอาจไม่มีอิสระมากเท่าที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับแนวทางปฏิบัติด้านทรัพยากรบุคคลมาตรฐานเท่านั้น
  3. ความซับซ้อนของนิติสัมพันธ์: PEO ถือเป็นนายจ้างร่วมของพนักงานของธุรกิจที่ใช้บริการของพวกเขา มันอาจสร้างความสับสนและความกำกวมว่านายจ้างรายใดต้องรับผิดชอบในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงาน นอกจากนี้ ธุรกิจอาจต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่บังคับใช้กับบริการ PEO ในระดับประเทศด้วยเช่นกัน
  4. การให้บริการที่จำกัด: PEO อาจไม่ได้ให้บริการทั้งหมดที่ธุรกิจต้องการในการจัดการพนักงาน เช่น การสรรหาหรือการจัดการความสามารถพิเศษ ระบบการจัดการประสิทธิภาพและแรงจูงใจ และสิ่งที่คล้ายกัน ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องหารืออย่างรอบคอบเกี่ยวกับขอบเขตของบริการที่ต้องการตั้งแต่เริ่มต้นกับทาง PEO
Recommendations for businesses considering using a PEO

คำแนะนำสำหรับธุรกิจที่สนใจใช้บริการจาก PEO

คุณควรคำนึงถึงคำแนะนำต่อไปนี้อย่างถี่ถ้วนว่า:

  1. เข้าใจความต้องการของคุณ: ก่อนเลือก PEO ทุกธุรกิจควรใช้เวลาในการทำความเข้าใจความต้องการเฉพาะของตนและบริการที่ต้องการ สิ่งนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าบริการ PEO ที่เลือกสามารถให้บริการที่ธุรกิจนั้นๆต้องการได้
  2. ทำความเข้าใจ PEO ประเภทต่างๆ: ธุรกิจต่างๆควรหาข้อมูลเกี่ยวกับ PEO ต่างๆ และเปรียบเทียบบริการที่พวกเขาเสนอ ตลอดจนทั้งประเด็นของต้นทุนและชื่อเสียง มันจะช่วยให้แน่ใจว่า PEO ที่เลือกนั้นเหมาะสมกับธุรกิจจริงๆ
  3. ทบทวนสัญญาอย่างรอบคอบ: ก่อนลงนามในสัญญากับ PEO คุณควรตรวจสอบสัญญาอย่างรอบคอบและปรึกษากับที่ปรึกษาทางกฎหมายหรือทางการเงินก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้เข้าใจเงื่อนไขของสัญญาตลอดจนพบว่าสัญญานั้นมีความยุติธรรมและสมเหตุสมผลแล้ว
  4. ตรวจสอบข้อปฏิบัติของ PEO: คุณควรตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่า PEO ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับด้านแรงงานในท้องถิ่น ตลอดจนมาตรฐานอุตสาหกรรมชัดเจน
  5. สื่อสารกับผู้ให้บริการ PEO อย่างชัดเจน: คุณควรกำหนดช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้ให้บริการ PEO และมีการประชุมเป็นประจำเพื่อหารือเกี่ยวกับบริการที่มีให้และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
  6. ติดตามผลการปฏิบัติงานของ PEO: คุณควรตรวจสอบประสิทธิภาพของ PEO อย่างสม่ำเสมอและตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นไปตามความคาดหวังของธุรกิจและให้บริการตามที่สัญญาไว้อย่างแน่นอน

ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าจะสามารถเลือก PEO ที่เหมาะสม และสามารถใช้ประโยชน์จากบริการที่มีให้อย่างเต็มที่ได้ แต่โปรดทราบว่า PEO ไม่ได้เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกธุรกิจ และสิ่งสำคัญคือต้องชั่งน้ำหนักคือข้อดีและข้อเสียของการใช้บริการ PEO และพิจารณาความต้องการเฉพาะของธุรกิจอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะใช้ PEO หรือไม่

Legal and regulatory framework regarding PEO

กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับ PEO เป็นอย่างไร?

PEO นั้นถูกกฎหมายในสหรัฐอเมริกา และมีการควบคุมในระดับรัฐอย่างเข้มงวด ดังนั้นกฎหมายและข้อบังคับเฉพาะจึงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรัฐที่ PEO ดำเนินการ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว PEO จะถือว่าเป็นนายจ้างร่วมของพนักงานในธุรกิจที่ใช้บริการของพวกเขา ซึ่งหมายความว่า PEO และเจ้าของบริษัทหรือองก์ควรมีความรับผิดชอบบางอย่างร่วมกันสำหรับพนักงาน เช่น การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานท้องถิ่นและการมอบสวัสดิการให้กับพนักงาน

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯได้ยอมรับ PEO เป็นรูปแบบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย และ IRS ยอมรับว่า PEO เป็นโครงสร้างธุรกิจที่ถูกต้อง หรือแม้แต่ Small Business Efficiency Act (SBEA) ยังยอมรับ PEOs เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งเช่นกัน

PEOs in Thailand

PEO ในประเทศไทย

PEOs ยังไม่เหมือนกับโมเดลธุรกิจในประเทศไทยที่พบได้ทั่วไป แต่กล่าวได้ว่ากำลังได้รับความสนใจจากตลาดมากขึ้นในช่วงหลังมานี้ แนวคิดของ PEO ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในประเทศไทย และไม่มีกฎหมายหรือข้อบังคับเฉพาะที่ใช้ควบคุมการดำเนินงานอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสาเหตุที่บางบริษัทอาจลังเลที่จะดำเนินการตามแนวทางนี้

อย่างไรก็ตาม มีบริษัทเอาท์ซอร์สประเภทอื่นๆ ในประเทศไทยที่ให้บริการคล้ายกับ PEO ตัวอย่างเช่น มีบริษัทที่ให้บริการดูแลบัญชีเงินเดือนและบริการดูแลสวัสดิการพนักงาน ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลและจัดหางาน

มันเป็นที่น่าสังเกตว่ากฎหมายแรงงานในประเทศไทยค่อนข้างแตกต่างจากกฎหมายในสหรัฐอเมริกาหรือยุโรป และทุกๆธุรกิจจำเป็นต้องทำความเข้าใจและปฏิบัติตามกฎหมายเหล่านั้นเมื่อว่าจ้างหรือใช้บริการด้านทรัพยากรจากบุคคลภายนอก เราขอแนะนำให้ปรึกษากับบริษัทเอาท์ซอร์สด้านทรัพยากรบุคคลในพื้นที่ เช่น RLC Outsourcing เพื่อทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกฎหมายแรงงานเฉพาะในประเทศไทย

บทสรุป

PEO สามารถให้ประโยชน์มากมายแก่ธุรกิจ เช่น ประหยัดเวลาและต้นทุน การเข้าถึงบริการที่หลากหลายขึ้น ความช่วยเหลือด้านการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความเสี่ยงที่ลดลงและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสียที่อาจเกิดขึ้นให้พิจารณา เช่น ต้นทุน, การควบคุมที่จำกัด, ความซับซ้อน และความยืดหยุ่นที่จำกัด สิ่งสำคัญคือต้องชั่งน้ำหนักคือข้อดีและข้อเสียของการใช้ PEO และพิจารณาความต้องการเฉพาะของธุรกิจอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจว่าจะใช้ PEO หรือไม่

Leave a Reply

Your email address will not be published.