ซีรีส์ไทยเรื่อง “สงครามส่งด่วน” (Mad Unicorn) บน Netflix กำลังมาแรง ด้วยเนื้อหาดราม่าธุรกิจที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของคุณคมสันต์ ลี ผู้ก่อตั้ง Flash Express ยูนิคอร์นรายแรกของไทย เล่าเรื่องผ่านตัวละคร “สันติ” เด็กหนุ่มจากดอยวาวี ที่มุ่งมั่นสร้างสตาร์ทอัปธุรกิจขนส่งพัสดุ ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่ร้อนแรง และอุปสรรคในการทำธุรกิจหลายๆ ด้าน ซึ่งในบทความนี้ RLC จะพาคุณสำรวจปัญหาเชิงโครงสร้างองค์กรที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นสำคัญอย่าง “การบริหารทรัพยากรมนุษย์” และความสำคัญของ HR
!! spoiler alert !!
!! เนื้อหาในบทความมีการพูดถึงฉากในเรื่อง !!
เมื่อธุรกิจล้มไม่ใช่เพราะเงิน แต่เพราะคน – บทเรียนจากสงครามส่งด่วน ทำให้เห็นความสำคัญของ HR
ซีรีส์ “สงครามส่งด่วน” ถ่ายทอดภาพธุรกิจ Thunder Express ที่แม้จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่กลับเต็มไปด้วยปัญหาด้านคน ทั้งความขัดแย้งในทีมผู้ก่อตั้ง การขาดระบบบริหารงาน การสื่อสารภายในที่ล้มเหลว และพนักงานที่ไร้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับองค์กร ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของ HR และตอกย้ำว่า “การบริหารคน” ไม่เคยเป็นแค่เรื่องจ้างงาน แต่คือรากฐานของความยั่งยืนทางธุรกิจ ซึ่งมักถูกมองข้ามโดยเฉพาะในสตาร์ทอัปที่เติบโตไวเกินไป
ปัญหาเรื่องคน เช่น ประเด็นมีหนอนในองค์กร รุ่ยเจี่ยพูดไม่ดีกับคนในทีมจนพนักงานทนไม่ไหว ลางานไม่ได้ ทำงานหามรุ่งหามค่ำ โอทีไม่มี งานล้นมือจนทำงาน-ส่งของเกือบไม่ทัน สีนุกซ์เซ็ทระบบสายพานจนระบบรันต่อไม่ได้และไม่มีการลงโทษที่เป็นระบบ
เมื่อผู้ร่วมก่อตั้งขาดความไว้ใจกัน ความสำคัญของ HR ในการช่วยสร้างความสมดุล
หนึ่งในรอยร้าวลึกที่สุดที่ซีรีส์ สงครามส่งด่วน สะท้อนอย่างชัดเจน คือความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างผู้ร่วมก่อตั้ง Thunder Express ความไว้ใจควรเป็น “ทุนทางความสัมพันธ์” ที่สำคัญที่สุดในช่วงเริ่มต้นธุรกิจ แต่กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่เคยถูกสร้าง หรือถูกทำลายลงด้วยอัตตาและความไม่โปร่งใสตั้งแต่วันแรก
ความขัดแย้งในทีมผู้ก่อตั้ง ที่เกิดจากการไม่แบ่งปันวิสัยทัศน์ร่วม
ความขัดแย้งระหว่างผู้ก่อตั้ง Thunder Express เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงเสียดทานจนทำให้องค์กรไม่สามารถเดินหน้าไปอย่างราบรื่นได้ ความแตกต่างในวิสัยทัศน์ การบริหาร และอารมณ์ส่วนตัว สร้างความไม่ไว้ใจและความตึงเครียดที่สะสมเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแต่ละคนมีเป้าหมายและวิธีการทำงานที่ไม่สอดคล้องกัน
- ความขัดแย้งเชิงอำนาจและการยึดตำแหน่ง ทำให้แต่ละฝ่ายพยายามแสดงความเหนือกว่าหรือครอบงำ เช่นในกรณีของรุ่ยเจี๋ย ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งและ CTO มีฝีมือและวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยี แต่กลับปิดตัวเองจากคนอื่น ไม่ยอมฟังใคร และยังไม่เปิดใจให้สมาชิกในทีมในตอนแรก เอาตนเองเป็นที่ตั้ง ทำให้ทีมขาดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เท่าเทียม พนักงานไม่กล้าแสดงความคิดเห็น และกลายเป็นองค์กรที่เต็มไปด้วย silent conflict ซึ่งไม่ได้แสดงออกตรงๆ แต่กัดกินความเป็นทีมจากภายใน
- การตัดสินใจที่ไม่เปิดเผยและขาดความโปร่งใส การสะท้อนอีกด้านของความไม่ไว้วางใจในทีมผู้บริหาร สื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัดจาก กรณีของสันติ ในตอนที่เขาเลือกตัดสินใจเชิงกลยุทธ์อย่างสำคัญ เช่น การลดราคาค่าขนส่งลงเพื่อสู้กับคู่แข่งในตลาด โดยไม่ปรึกษา CFO หรือทีมการเงิน ส่งผลให้บริษัทขาดทุนหนัก ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และทีมภายในเสียหายอย่างรุนแรงจากมาตรการรัดเข็มขัด
- การหักหลังและความรู้สึกถูกกีดกัน ส่งผลอย่างมากต่อการพาองค์กรไปในทิศทางต่างๆ จะเห็นได้จากการที่สันติถูกดึงออกจากโปรเจกต์ที่เขาเป็นคนริเริ่มโดย “คณิณ” ซึ่งใช้อำนาจเหนือกว่าในเชิงการบริหาร การถูกกันออกจากสิ่งที่ตนสร้าง ทำให้สันติเปลี่ยนจากคนที่อยาก “พาองค์กรไปข้างหน้า” เป็นคนที่อยาก “เอาชนะทุกคน” ส่งผลให้เขาเริ่มเดินเกมแบบไม่สนเสียงคนอื่น ไม่แบ่งปันวิสัยทัศน์ และมุทะลุด้วยแรงขับของความเจ็บปวดส่วนตัว
ในมุมของ HR และการบริหารองค์กร ปัญหาเหล่านี้คือสัญญาณอันตรายขององค์กรที่ขาดการออกแบบความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างตั้งแต่แรกซึ่งเป็นส่วนสำคัญของ HR เมื่อไม่มีการกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ชัดเจน ไม่มีพื้นที่สำหรับการพูดคุยอย่างเท่าเทียม และขาดกระบวนการจัดการความขัดแย้งอย่างมืออาชีพ เมื่อผู้นำไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ “คนเก่ง” ก็กลายเป็น จุดพัง ของธุรกิจ มากกว่าจะเป็นทรัพยากรที่ผลักองค์กรไปข้างหน้า
เมื่อองค์กรขยายตัวอย่างรวดเร็วแต่ไม่มีโครงสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่ดีรองรับ
ในช่วงที่ Thunder Express เติบโตแบบก้าวกระโดด สิ่งที่ขาดไปอย่างเห็นได้ชัดคือ “โครงสร้างการบริหารคน” ที่เป็นระบบ ธุรกิจที่เติบโตเร็วไม่ได้หมายถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน ความสำคัญของ HR ทำให้เห็นว่าหากไม่มีการวางรากฐานด้านทรัพยากรมนุษย์ให้รองรับอย่างเพียงพอจะทำให้เกิดปัญหาอีกมากมายตามมา ซึ่งสงครามส่งด่วนสะท้อนปัญหานี้อย่างชัดเจน
จ้างพนักงานจำนวนมาก แต่ไม่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจน
เมื่อไม่มีวัฒนธรรมองค์กรที่ชัดเจน เช่น ค่านิยมร่วม, แนวปฏิบัติแบบมืออาชีพ, หรือการวางกรอบพฤติกรรมที่ยอมรับได้ ความขัดแย้งจึงเกิดบ่อยโดยไม่มีทางออกที่เป็นกลาง และที่แย่ไปกว่านั้นคือ พนักงานใหม่ๆ ไม่รู้ว่าควรยึดอะไรเป็นหลักในการทำงาน นอกจาก “เอาตัวรอดให้ได้” ซึ่งความสำคัญของ HR ในกรณีนี้คือการเข้ามาทำให้พื้นฐานขององค์กรขึ้นอยู่กับระบบงานที่ชัดเจน และวางรากฐานวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเข้าใจร่วมกัน
ในเรื่อง สงครามส่งด่วน เราจะเห็นได้ว่า Thunder Express จ้างพนักงานจำนวนมาก ทั้งไรเดอร์และทีมปฏิบัติการ โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นที่สันติใช้เครือข่ายส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นเพื่อน พี่ น้อง เข้ามาทำงานด้วย แม้จะช่วยให้เริ่มต้นได้เร็ว แต่กลับกลายเป็นดาบสองคม เมื่อองค์กรไม่เห็นความสำคัญของ HR และไม่มีวัฒนธรรมร่วมที่ชัดเจนหรือแนวทางปฏิบัติที่เป็นกลางมากพอ การทำงานจึงเต็มไปด้วยอารมณ์ส่วนตัว ความไม่เป็นมืออาชีพ และความรู้สึกว่า “ให้ใจกันแล้วทำไมต้องมีขั้นตอนเยอะ”
ตัวอย่างหนึ่งในเรื่อง คือเหตุการณ์ที่ บอลซึ่งเป็นเพื่อนของสันติแอบนำน้ำมันรถซึ่งถือเป็นทรัพย์สินของบริษัทไปขายและนำเงินเข้าเป็นรายได้ของตนเอง และเมื่อถูกจับได้ กลับขอให้สันติ “ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น” เพื่อให้ตนได้ทำงานต่อโดยอ้างความเป็นเพื่อน แต่เมื่อสันติดำเนินการลงโทษตามหน้าที่ กลับกลายเป็นการสร้างความไม่พอใจในกลุ่มเพื่อน พี่ น้อง ที่เข้ามาช่วยงานในฐานะพนักงาน เพราะขาดเส้นแบ่งระหว่างความสัมพันธ์ส่วนตัวกับบทบาทในองค์กร
ขาดการสร้างผู้นำระดับกลางในองค์กร ที่ทุกคนยอมรับ
การขาด “ผู้นำระดับกลาง” ที่ถูกพัฒนาอย่างเป็นระบบ เมื่อองค์กรเติบโต คนจำนวนมากถูกอัปตำแหน่งโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการคัดเลือกที่โปร่งใส เช่น การแต่งตั้ง “ธง” น้องชายของสันติ ให้เป็นหัวหน้าไรเดอร์โดยไม่มีการสื่อสารหรือสร้างความยอมรับจากทีม ส่งผลให้เกิดเสียงวิจารณ์เรื่องเส้นสาย และความรู้สึกไม่เป็นธรรมในองค์กร ซึ่งเป็นตัวเร่งความแตกร้าวทางความสัมพันธ์ในทีมงาน
ระบบคัดเลือก ขาดคนที่เข้าใจ “คุณค่า” ขององค์กร ตอกย้ำความสำคัญของ HR
ในช่วงเริ่มต้นนั้น Thunder Express เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างขององค์กรที่ “เติบโตเร็ว แต่โตแบบไม่มีราก” เพราะเน้นดึงคนเก่งเข้ามาแบบเฉพาะทาง โดยไม่ได้คัดเลือกจากความเข้าใจใน “คุณค่า” หรือเป้าหมายร่วมขององค์กรอย่างแท้จริง
เน้นคนเก่งเชิงเทคนิค แต่ขาดความเข้าใจในเป้าหมายร่วม
ซีรีส์ สงครามส่งด่วน สะท้อนชัดให้เห็นถึงความสำคัญของ HR ได้จากการที่องค์กรมีหลายตำแหน่งที่มีทักษะสูง แต่กลับไม่มีแรงจูงใจร่วมกับองค์กรเลย องค์กรจึงเต็มไปด้วย “คนที่เก่งแต่ไม่อิน” หรือ “คนที่มาเพราะเงิน ไม่ใช่เพราะพันธกิจ”ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกรณีของ ลีนุกซ์ ที่กลายเป็นหนอนในองค์กรเพราะต้องการเงินไปรักษาแม่ ความจำเป็นส่วนตัวทำให้เธอตัดสินใจทรยศบริษัท ไม่ใช่เพราะเกลียดองค์กร แต่เพราะไม่รู้สึกผูกพันหรือมีคุณค่าร่วมใดๆ ตั้งแต่ต้น
คนที่มาเพื่อเงิน อาจจากไปเมื่อมีเงินมากกว่าจากที่อื่น
ในโลกของธุรกิจที่แข่งขันดุเดือด โดยเฉพาะสตาร์ทอัปอย่าง Thunder Express การจ้างคนด้วย “แรงจูงใจทางการเงิน” เพียงอย่างเดียวอาจไม่พอ ในเหตุการณ์ที่พนักงานแนวหน้าที่ต้องทำงานหนักขึ้นหลังการลดราคาค่าบริการขนส่ง แต่กลับถูกลดเงินเดือน เพราะมาตรการรัดเข็มขัดจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ CEO ทั้งที่ปริมาณงานไม่ได้ลดตาม ทำให้พนักงานหลายคนเริ่มไม่รู้ว่าจะยังจงรักภักดีไปเพื่ออะไร เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม ความผูกพันจึงค่อยๆ หายไป เพราะไม่มีโครงสร้างวัฒนธรรมหรือคุณค่าร่วมมาค้ำไว้
การไม่มีระบบคัดเลือกที่มองลึกถึง “แรงจูงใจ” และ “คุณค่าร่วม” คือช่องโหว่ใหญ่ของการบริหารคน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของ HR โดยเฉพาะเมื่อองค์กรเติบโตเร็วแต่ยังไม่มีทีม HR ที่เข้มแข็งพอ การมองแค่ความสามารถ อาจทำให้ได้คนเก่งแต่ไม่มั่นคง และสุดท้ายองค์กรก็จะต้องเริ่มกระบวนการทำงานแบบเดิมๆ อยู่กับที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความสำคัญของ HR เปรียบเสมือนการลงทุนระยะยาวที่ธุรกิจไทยยังมองข้าม
เมื่อเราถอดปัญหาธุรกิจจาก “สงครามส่งด่วน” จะเห็นได้ชัดว่าองค์กรที่ขาดระบบ HR ไม่เพียงแต่จัดการคนไม่ได้ แต่ยังทำให้เกิดรอยร้าวในวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ และศรัทธาในองค์กร ส่งผลให้การดำเนินงานภายในธุรกิจเกิดการสะดุดทั้งๆ ที่มีโอกาสเติบโตอยู่ตรงหน้า
สำหรับองค์กรที่ยังไม่มีฝ่าย HR เมื่อได้ตระหนักถึงความสำคัญของ HR แล้ว การพิจารณาใทางเลือกอย่าง HR Outsource หรือ HR Consultant ก็สามารถช่วยวางรากฐานระบบคนได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการกระบวนการสรรหา วางระบบประเมินผล หรือให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์ทรัพยากรมนุษย์ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือการลงทุนเพื่อความยั่งยืนขององค์กรในระยะยาว
สรุป: ถ้าอยากสร้างยูนิคอร์น อย่าลืมความสำคัญของ HR ทีมที่จะช่วยสร้าง “หัวใจ” ให้องค์กร
ไม่มีธุรกิจใดที่เติบโตได้ด้วยไอเดียเพียงอย่างเดียว แต่การสร้างธุรกิจนั้นจะต้องอาศัย “ทีมที่ลงมือทำ” อย่างมั่นคงและมีทิศทาง และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมความสำคัญของ HR จึงไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายสนับสนุน แต่ HR คือกลไกหลักในการสร้างวัฒนธรรม พัฒนาคน และประคององค์กรในทุกช่วงของการเติบโต
ในองค์กรธุรกิจ HR อาจไม่ใช่ทีมที่สร้างรายได้โดยตรง แต่ความสำคัญของ HR เปรียบเสมือนการลงทุนระยะยาว ที่สร้างความยั่งยืนอย่างแท้จริง การถอดบทเรียนจากซีรีส์เรื่อง สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn) ทำให้เห็นว่า หากไม่มีระบบจัดการบุคลากรที่ดี ต่อให้มีโอกาสทองอยู่ตรงหน้า ธุรกิจก็พร้อมพังได้ทุกเมื่อ ถ้าเป้าหมายคือยูนิคอร์น อย่าลืมเริ่มต้นจาก “การวางหัวใจขององค์กร” ให้ถูกที่ และ HR คือทีมที่ทำหน้าที่นั้นโดยตรง
บทความที่เกี่ยวข้อง: บริษัท HR Outsource ทำอะไรให้บ้าง จ้างดีไหม?ขอขอบคุณรูปภาพจาก: ซีรีส์ “สงครามส่งด่วน” Netflix ,https://www.thairath.co.th/novel/news/2861523 , https://www.facebook.com/share/16m1zRZ1a5/
Marketing สาวที่ถูกแมวส้มเก็บมาเลี้ยง